วันเสาร์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2561

พระอนุรุทธะ #5 (ตอนจบ)

สมัยที่พระอนุรุทธะยังทรงพระเยาว์ ทรงมีพระสหายเป็นลูกกษัตริย์ 5 พระองค์จากเมืองใกล้เคียง รวมพระอนุรุทธก็เป็น 6 พระองค์ พระโอรสลูกกษัตริย์มักมารวมตัวกันเล่นสนุก ๆ ด้วยกันเสมอ ใครแพ้ก็ส่งคนไปบอกพระมารดาเพื่อขอขนมมาเป็นเดิมพัน

พระอนุรุทธะเล่นเกมแพ้ถึง 3 ครา แต่ละครั้งก็จะส่งคนไปบอกพระมารดาขอขนม พระมารดาก็เตรียมถาดทองคำใบใหญ่ ข้างในบรรจุขนมแสนอร่อยเต็มถาดแล้วให้คนส่งไปมอบให้พระอนุรุทธะเอาไปกินกันกับเพื่อน ๆ ในฐานะที่แพ้พนันขันต่อทุกครั้ง

มาจนถึงครั้งที่ 4 พระอนุรุทธะยังคงเล่นเกมแพ้ลูกกษัตริย์จากเมืองอื่น คราวนี้พระองค์ก็ทรงทำแบบเดิม แต่คราวนี้พระมารดาต้องการอบรมพระอนุรุทธผู้เป็นที่รักว่า ในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดที่เจ้าต้องการแล้วจะได้ไปเสียทุกสิ่ง แม้เป็นลูกกษัตริย์เพียบพร้อมไปทุกอย่าง เจ้าก็ต้องเรียนรู้สิ่งนี้ พระมารดาจึงตอบกับคนส่งขนมว่า ไม่มีหรอกนะขนม เราทำขนมจนหมดสิ้นแล้ว ไม่มีขนมให้อีกแล้ว จงไปทูลกับพระอนุรุทธะว่า "ขนมไม่มี" ว่าแล้วพระองค์ก็ทรงนำถาดทองคำใบใหญ่ แล้วเอาถาดเปล่าวางลงไป คนส่งขนมมองในถาดก็สงสัยแต่มิกล้าถามพระมารดา เขาได้ถือถาดทองคำไปให้พระอนุรุทธยังเมืองที่ทรงเล่นกับเพื่อน ๆ นั่นเอง

ระหว่างทาง ร้อนถึงบรรดาเทวดาในละแวกนั้น เทวดาประชุมกันว่า ในบุพกาลพระอนุรุทธะได้ทรงอธิษฐานว่าจะไม่พบกับคำว่า "ไม่มี" อีก และพระปัจเจกพุทธเจ้าก็ทรงตรัสอนุโมทนาบุญนี้แล้วและทรงอวยพรให้เป็นไปตามคำอธิษฐานนั้น เทวดาจึงเสกขนมทิพย์เต็มถาดทองคำ

พอคนส่งขนมวางถาดลงตรงหน้าพระพักตร์ พระอนุรุทธะจึงตรัสถามว่า คราวนี้พระมารดาส่งขนมอะไรมาให้เรานะ เราหิวแล้วและเพื่อน ๆ ก็รอกินขนมเช่นกัน คนส่งขนมกราบทูลไปตามความจริงว่า "ขนมไม่มี" พระพุทธเจ้าข้า พระอนุรุทธะไม่เคยได้ยินชื่อขนมนี้มาก่อน จึงอยากเห็นหน้าตาว่า "ขนมไม่มี" หน้าตาเป็นยังงัย

ครั้นพระอนุรุทธะเปิดถาดทองคำออกมา ก็พบกับความหอมหวานของขนมทิพย์ ที่กลิ่นหอมไปทุกสารทิศ หอมไปทั่วแคว้น จึงหยิบขึ้นมาลองชิมดูพบว่าเป็นขนมรสเลิศที่ไม่เคยกินที่ไหนมาก่อน พระองค์จึงได้เชื้อเชิญบรรดาลูกกษัตริย์มากินขนมไม่มีด้วยกัน

พระอนุรุทธะกินขนมไป ในใจก็อดน้อยใจพระมารดาว่า พระมารดาคงไม่รักเรา เพราะที่ผ่านมาไม่เคยทำขนมนี้ให้เรากินเลย จนมาครั้งนี้จึงได้ทำขึ้นมาเพื่อการณ์ใดหนอ จะต้องกลับไปสอบถามความจริงให้ได้

พอไปถึงก็ทรงตรัสถามพระมารดา พระมารดามองหน้าคนส่งขนม ทั้งสองรู้ดีว่า ไม่มีขนมในถาด แล้วผู้ใดกันเล่าเอาขนมแสนอร่อยมาวางไว้ให้ลูกเราเสวย คงเป็นเทวดาเนรมิตขึ้นมา แต่พระมารดาก็มิได้บอกสิ่งนี้แก่พระอนุรุทธะ เพื่อมิให้เด็กเล็กเกิดความสงสัยเพราะในวัยนี้อาจไม่เข้าใจว่าเทวดาคือใคร พระมารดากับคนส่งขนมจึงเก็บเรื่องนี้ไว้ตลอดมา เมื่อใดที่พระอนุรุทธะกุมารปรารถนาที่จะกินขนมไม่มีของพระมารดา บรรดาเทวดาก็จะต้องมาเนรมิตขนมนี้ให้พระอนุรุทธะเรื่อยไป เพราะท่านจะพบกับคำว่า "ไม่มี" ไม่ได้นั่นเอง

ครั้นพระอนุรุทธะเจริญวัย ก็ถึงคราวที่จะต้องครองราชย์/ครองเรือน หรือจะไปบวชในสำนักขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งเป็นพระญาติ พระอนุรุทธะถามว่า ถ้าเราเลือกครองเรือนเราจะต้องทำอะไรบ้าง ขุนนางพี่เลี้ยงลำบากใจมากที่จะต้องอธิบายให้พระองค์ทราบว่า ข้าวที่พระองค์เสวยทุกวันนี้ ไม่ได้อยู่ ๆ จะปรากฏในหม้อในถาดแล้วเอามาปรุงได้เลย ต้องทำนากว่าจะได้ข้าวมาแสนลำบากยากเข็ญ ต้องทำเช่นนี้เรื่อยไป ข้าวหมดก็ต้องทำนาให้มีข้าวกิน พอได้ข้าวมาก็กิน พอใกล้หมดก็ต้องทำนา ทำแบบนี้เรื่อยไป "ไม่มี" คำว่าจบสิ้น ทันทีที่พระอนุรุทธะได้ยินคำว่า "ไม่มี" พระองค์ก็ตรัสกับขุนนางพี่เลี้ยงว่า เราไม่ปรารถนาที่จะไม่มีไม่จบสิ้นหรอกนะ...เราตัดสินใจแล้ว ว่าเราจะออกผนวชตามเสด็จองค์ตถาคตพระญาติของเรา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น