วันเสาร์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2561

พระอนุรุทธะ #4

อันนภาระบอกกับเศรษฐีผู้เป็นนายว่า "ข้ายินดีแบ่งบุญของข้าที่ได้ทำในวันนี้แก่ท่าน ท่านจงรับไว้เถิด" เศรษฐีได้ยินจึงเปล่งคำว่า "สาธุ" ออกมาด้วยเสียงอันดัง แล้วบอกกับอันนภาระว่า ท่านจงรับเอาเงินจำนวนนี้ไว้เถิด อันนภาระปฏิเสธเงินจากเศรษฐีเพราะตนมิได้ทำบุญเพื่อหวังจะขายบุญ หรือ ตีเป็นราคาค่างวดแต่อย่างใด

 เศรษฐีได้เห็นความดีงามของอันนภาระ จึงบอกไปว่า สหายของข้า ท่านจงรับเอาเงินจำนวนนี้ไว้เถิด ข้ามอบให้เจ้าเพราะตอบแทนความดีงามในตัวของเจ้า มันสมควรเป็นของผู้มีจิตใจดีงามอย่างเจ้า และจงอย่าได้ไปไหนอีกเลยสหายของข้า ท่านจงปลูกเรือนหลังงามในเขตบริเวณบ้านของข้าเถิด

ความเรื่องนี้ ทราบถึงกษัตริย์ผู้ปกครองแคว้นนั้น กษัตริย์จึงทรงแต่งตั้งให้อันนภาระเป็นเศรษฐี และมอบเงินจำนวนหนึ่งให้เขา หลังจากนั้น ทั้งอันนภาระเศรษฐี และสุมมนาเศรษฐีผู้เป็นนายของอันนภาระแต่เดิม ทั้งสองได้เป็นสหายกันมา เกื้อกูลกันมา และจรรโลงพุทธศาสนาสืบจนอายุขัยของคนทั้งสอง

บุรพกรรมของอันนภาระที่ถวายอาหารแด่พระปัจเจกพุทธเจ้า เป็นกรรมดีอันยิ่งใหญ่ แม้แต่เทวดายังสาธุการ จึงบังเกิดผลในปัจจุบันตามคำอธิษฐานของอันนภาระ ที่ไม่พึงปรารถนาจะพบกับคำว่า "ไม่มี" อีกเลย นับแต่ภพชาตินั้น ไม่ว่าอันนภาระจะไปเกิดในภพชาติใด เขาก็ไม่เคยแร้นแค้น ขัดสน จะมีในทุกสิ่งที่เขาปรารถนาจะมี แม้บางอย่างไม่มี เทวดาละแวกนั้นก็ไปจัดหามาจนได้ เพราะจะให้อันนภาระพบกับคำว่า "ไม่มี"  เห็นทีจะไม่ได้ เพราะเป็นอานิสงส์ที่ท่านทำมาแต่กาลก่อนส่งผลสืบไปในทุกภพชาติจนกว่าจะเข้าสู่พระนิพพาน

แม้แต่เศรษฐีผู้เป็นนายของอันนภาระก็เช่นกัน ในชาติที่อันนภาระมาเกิดเป็นพระอนุรุทธ เศรษฐีก็เกิดมาเป็นเด็กอายุ 7 ขวบ มีพี่ชาย 1 คน ในบ้านหลังหนึ่งที่พระอนุรุทธะรู้จักดี เมื่อพระอนุรุทธะได้ทิพยจักขุญาณตามคำอธิษฐานครั้งแรก (ก่อนหน้าจะอธิษฐานที่จะไม่พบกับคำว่า ไม่มี) ท่านจึงใช้ทิพยจักขุญาณตรวจสอบว่าสหายของท่านอยู่ที่ใด ท่านปรารถนาจะไปโปรดสหายท่านนั้นด้วยเช่นกัน พอทราบว่าสหายผู้นี้จะได้บรรลุอรหัตผลขณะปลงผมเป็นสามเณรท่านจึงเหาะไปที่หมู่บ้านนั้น แล้วจำพรรษาที่นั่น

พอสิ้นพรรษาพ่อของเด็กก็ยกลูกชายคนโตให้บวชเป็นสามเณร ท่านอนุรุทธะนิ่ง บิดาของเด็กทั้งสองคนจึงเสนอลูกชายคนเล็กให้บวช ท่านอนุรุทธะกล่าวตอบว่า "ดีแล้ว" เมื่อเด็กชายอายุ 7 ขวบผู้นั้นบวช ด้วยบุญและอานิสงส์ที่ทำมาในชาติปางก่อน จึงส่งผลให้เด็กน้อยผู้นั้นบรรลุอรหันต์ขณะกำลังปลงผมเป็นสามเณร...สิ่งนี้แสดงว่า บุรพกรรมที่เรากับกัลยาณมิตรเกื้อหนุนกันมาย่อมส่งผลให้ติดตามกันไปเกื้อหนุนกันทุกภพทุกชาติและเข้าถึงพระนิพพานไปพร้อม ๆ กัน หรือในเวลาอันใกล้เคียงกัน เฉกเช่น อันนภาระ กับ เศรษฐี ผู้เป็นสหายต่อกันนั่นเอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น