ประทุมทิพย์ ทองเจริญ
มติชนรายวัน 19 ตุลาคม 2551 ปีที่ 31 ฉบับที่ 11180
มติชนรายวัน 19 ตุลาคม 2551 ปีที่ 31 ฉบับที่ 11180
"ถ้าฉันมีสิบหน้า อย่างทศกัณฐ์ สิบหน้านั้นฉันจะหันมายิ้มให้เธอ" คนทั่วไปมักชอบพบปะพูดคุยกับคนที่ยิ้มแย้มอัธยาศัยดีไม่น่าจะมีใครที่ชอบคนหน้าตาบึ้งตึง เหมือนโกรธใครมาเป็นสิบปี ถ้าฉันเป็นอธิการบดี...ฉันจะยิ้มแย้มแจ่มใสกับทุกคน (ถ้าเป็นการประกวดนางงามก็เปรียบได้กับตำแหน่งนางงามมิตรภาพ) พร้อมที่จะพูดคุย และรับฟังความคิดเห็นของคนทุกกลุ่ม ทุกชั้น ทุกระดับ โดยเฉพาะการเป็นผู้ฟังที่ดี...บ่อยครั้งที่เรามักจะได้ยินมาว่าเรารู้สึกประทับใจคนนั้นคนนี้จังเลย...เพราะเขาคือผู้ฟังที่ดี มีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจก็รับฟังและให้คำปรึกษาอย่างดี
ถ้าฉันเป็นอธิการบดีฉันจะเป็นผู้รับฟังและเป็นที่ปรึกษาที่ดีให้กับทุกคนที่ต้องการความช่วยเหลือหรือต้องการปรึกษาปัญหา ...อาจจะไม่ต้องรอให้คนที่มีปัญหาเดินมาหา (เพราะคนทั่วไปเขารู้เร็วมาก) แต่ฉันจะเดินเข้าไปหาเขาเองแล้วถามว่า "มีอะไรให้ช่วยไหม" หรือ May I help you?
อธิการบดี คือ ตำแหน่งที่หลายคนใฝ่ฝัน แต่จะมีสักกี่คนที่ฝันได้ไกลแล้วสามารถไปถึงจุดนั้น...สมัยเป็นเด็กจะมีคนมาถามบ่อย โดยเฉพาะผู้ใหญ่ (ที่ไม่ใช่ผู้ใหญ่บ้าน) ลุงๆ ป้าๆ มักถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า "โตขึ้นหนูอยากเป็นอะไรจ๊ะ"เด็กก็มักตอบไปตามที่ตนเองสนอกสนใจ เช่น หนูอยากเป็นทหารนั่งบนรถถังที่คันใหญ่ๆ หนูจะเป็นพยาบาลคอยดูแลคนไข้ หนูจะเป็นตำรวจเป็นผู้หมวดจับผู้ร้าย แล้วผู้ใหญ่ทั้งหลายก็บอกว่า "ไม่ว่าเราจะเป็นอะไร อยากทำสิ่งใดขอให้สมดังใจได้เป็นดังหวัง แต่มีอีกอย่างสำคัญ...เหนือสิ่งใดนั้นคือเป็นคนดี" เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นอธิการบดี..ฉันจะเป็นคนดี
เด็กๆ มักอยากให้พ่อแม่ผู้ปกครองทำโน่นทำนี่ (รวมถึงหนี้) ให้พวกเขา แน่นอนว่าท่านคงไม่สามารถทำตามใจลูกทุกคนได้ทั้งหมด เพราะแต่ละคนช่างเอาแต่ใจ นานาจิตตัง แม้ว่าจะเป็นฝาแฝด หรือเลี้ยงดูมาด้วยกัน กินข้าวหม้อเดียวกัน แต่ความคิดความอ่าน นิสัยใจคอ ลูกแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน จึงเป็นภาระแก่พ่อแม่ว่าท่านจะบริหารจัดการส่วนแบ่ง หรือผลประโยชน์ให้กับลูกๆให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้อย่างไร โดยที่ลูกแต่ละคนจะไม่รู้สึกน้อยใจว่าทำไมพี่ได้ น้องไม่ได้ ทำไมเพื่อนข้างบ้านได้น้องไม่ได้ ดังนั้นช่วงที่มีขนมหวานและเค้กแสนอร่อยจึงสร้างความลำบากใจให้กับผู้เป็นพ่อแม่ยิ่งนัก
ถ้าฉันเป็นอธิการบดี...ฉันจะรักทุกคนเท่ากัน ให้ความยุติธรรมกับทุกคน และแบ่งสันปันส่วนผลประโยชน์ให้เกิดความพอใจกับทุกคน ทุกฝ่ายไม่ทำให้เกิดความน้อยใจของใครคนใดคนหนึ่ง ด้วยหลักธรรมาภิบาล (สุจริต โปร่งใส ตรวจสอบได้ มีคุณธรรม มีความรับผิดชอบ นิติธรรม และมีส่วนร่วม) ฉันจะทำให้ได้...ฉันไม่สัญญา แต่ฉันจะทำให้ทุกคนดู
แล้วถ้าลองมองย้อนกลับมาดูตัวเองบ้าง ...ว่าสิ่งที่ฉันอยากได้โน่น อยากได้นี่ ฉันได้ทำอะไรให้พ่อแม่บ้าง ได้ช่วยพี่ทำงานบ้านบ้างรึปล่าว ได้ทำอะไรเพื่อส่วนรวมบ้าง ...ครั้งหนึ่งสมัยเป็นนักเรียนระดับมัธยมศึกษาเคยอ่านข้อความที่ปิดไว้ตามเสาใต้อาคารเรียน...ในข้อความเขียนว่า "อย่าถามว่าโรงเรียนให้อะไรกับคุณ...แต่จงถามว่าคุณได้ให้อะไรกับโรงเรียนบ้าง" แล้วข้อความนั้นก็ได้จดจำในสมองเล็กๆ โดยที่ไม่คิดอะไร จนวันหนึ่งก็เข้าใจความหมายของมัน และคิดว่ายังไม่สายที่จะทำตามข้อความนั้น...
ถ้าฉันเป็นอธิการบดี...ฉันจะทำอะไรเพื่อมหาวิทยาลัย มากกว่าที่จะถามว่ามหาวิทยาลัยนี้จะให้อะไรกับฉันได้บ้าง หรือฉันจะได้อะไรจากมหาวิทยาลัยนี้บ้างโดยยึดตามพระราชปณิธานของพระบรมราชชนก (พระราชบิดา) ที่ว่า "ขอให้ถือประโยชน์ส่วนตัว เป็นกิจที่สอง ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์ เป็นกิจที่หนึ่งลาภ ทรัพย์ และเกียรติยศ จะตกแก่ท่านเอง หากท่านทรงธรรมะแห่งอาชีพไว้ให้บริสุทธิ์"
ผู้เขียนเคยได้ยินหลายคนพูดกันว่าชอบผู้นำที่มีบุคลิกพูดจริงทำจริง ไม่รีรอ รวดเร็ว กระชับ ฉับไว ตรงประเด็น (สโลแกนเหมือนนักข่าว) เวลาประชุมก็ไม่เยิ่นเย้อ ได้เนื้อหาสาระ ไม่ต้องประชุมหลายรอบ (เสียเวลาทำมาหากิน) อะไรทำนองนั้น ก็เลยมาชั่งน้ำหนักดู (ไม่ใช่น้ำหนักผู้เขียน)...แล้วก็นึกในใจว่า ถ้าเป็นอธิการบดี...จะเป็นแบบนี้
อธิการบดี หรือ ที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า President of University คนทั่วไปเข้าใจว่าเป็นคนที่ใหญ่ที่สุด มีอำนาจสั่งการกิจการทุกอย่าง เรียกว่างานทุกอย่างล้วนต้องผ่านมือ ผ่านตา ของท่านผู้นี้...เพราะฉะนั้นอธิการบดีจึงเป็นตำแหน่งที่ทุกคนให้ความไว้วางใจ และเกรงใจ จะอยู่ให้เป็นที่พึ่งและพักพิงได้ของทุกคนในมหาวิทยาลัย เหมือนร่มโพธิ์ร่มไทร ที่ไม่เคยทำให้ใครผิดหวัง ร้อนมาจากที่ไหนก็จะได้รับความร่มเย็นกลับไปเสมอ
ถ้าฉันเป็นอธิการบดี...ฉันจะเป็นแบบนี้
ผมรอดูความสำเร็จของ ดร. อยู่นะครับ ^^
ตอบลบถ้าอธิการบดีประทุมทิพย์ ทองเจริญ งานเยอะจะสละเวลารับฟัง ความคิดเห็นของผู้น้อยได้มากขนาดไหนคับ
ตอบลบ