วันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

การอาพาตของสงฆ์จากการฉันอาหารที่ไม่สามารถเลือกได้

โดย ยิ้มสยาม

เมื่อวานมีโอกาสได้สนทนากับพระคุณเจ้าท่านหนึ่ง ขณะกำลังฟังการแนะนำทุนออสเตรเลีย พระคุณเจ้าติดภารกิจเรียนอยู่ห้องข้างๆ จึงว่ายวานให้ช่วยอัดเทปให้ด้วย ยิ้มเลยบอกท่านไปว่าไม่เป็นไรค่ะ เสร็จแล้วจะทำสรุปส่งไปให้ทาง email นะคะ เพราะปกติยิ้มสามารถจดได้ทุกคำพูดของวิทยากรค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วง และแล้วค่ำคืนนั้นก็ทำสรุปส่งให้พระคุณเจ้าตามคำสัญญา พร้อมส่งให้เพื่อนๆ ป.เอกทราบด้วย

อีกอย่าง ที่ได้สนทนากับท่าน พระคุณเจ้าเล่าว่าตอนนี้สงฆ์ทั่วประเทศกำลังอาพาต 1 แสนกว่าราย เนื่องจากฉันอาหารที่ญาติโยมถวายเข้าไป อย่างหลีกเลี่ยงมิได้ พระไม่มีสิทธิ์เลือกอาหาร ญาติโยมถวายอะไรมาก็ต้องฉันตามนั้น จึงทำให้พระอาพาตจำนวนมาก ร่างกายไม่มีภูมิต้านทานโรค ข้อมูลนี้เป็นอะไรใหม่ที่ยิ้มเพิ่งทราบ จึงอยากบอกต่อกับเพื่อนๆใน FB ว่าเวลาเราจะถวายอาหารแด่พระภิกษุสงฆ์ เราควรคำนึงถึงหลักโภชนาการด้วย เพราะคนปกติสามารถเลือกกินได้เพื่อให้ได้รับสารอาหารครบทั้ง 5 หมู่ แถมด้วยวิตามิน อาหารเสริมมากมาย แต่สงฆ์ไม่มีทางเลือก ดังนั้น ปัญหานี้จึงเป็นโจทย์วิจัยสำคัญในวิทยานิพนธ์ของพระคุณเจ้าที่กำลังหาทางออกให้กับปัญหาที่เกิดกับสงฆ์อยู่ในขณะนี้

นอกจากนี้ เมื่อเช้าใส่บาตรหลวงปู่ท่านหนึ่ง หลวงปู่ท่านนี้ยิ้มจะมีโอกาสได้ใส่บาตรท่านบ่อย (ถ้าเวลาเราตรงกัน) ท่านบอกว่าเป็นพระมีข้อห้ามและวินัยหลายอย่าง ตอนนี้ท่านป่วยเป็นมะเร็งเพราะติดเชื้อในกระแสเลือดตั้งแต่ครั้งน้ำท่วมใหญ่ ปลายปี 2554 เป็นต้นมา ทำให้ท่านฉันเนื้อสัตว์ไม่ได้ ขณะนี้กำลังอยู่ในความดูแลของคุณหมอหลายท่าน อาทิ ศ.นพ.กำพล และอ.หมอท่านอื่นๆ หลวงปู่บอกว่า อาหารที่เหมาะกับคนป่วยมะเร็ง คือ ข้าวกล้อง กล้วย ถั่ว ฟักข้าว
งดเว้นเนื้อสัตว์ทุกชนิดเพราะเนื้อสัตว์จะไปเร่งปฏิกิริยากับมะเร็ง พูดง่ายๆก็คือ อันไหนที่คนชอบมะเร็งก็ชอบด้วย ท่านยังเล่าอีกว่าตอนนี้โรคที่คนไทยป่วยมากที่สุด คือ มะเร็ง ทั้งที่แสดงอาการและยังไม่แสดงอาการ เป็นกันตั้งแต่เด็กเล็ก วัยรุ่นหนุ่มสาว วัยทำงาน รวมถึงผู้สูงอายุ ปัจจัยสำคัญ คือ การบริโภคอาหาร ถ้าเราเลือกทานอาหารที่เป็นประโยชน์ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีสารพิษ เซลล์มะเร็งในร่างกายที่มีอยู่ในทุกคนก็จะไม่ทำงาน ไม่มีตัวเร่ง แต่ปัจจุบันผู้ประกอบการใช้สารพิษกับสัตว์เพื่อให้มีกำไร เช่น สารเร่งเนื้อแดง หมูหลุม ไก่กะทิ เป็นต้น เมื่อคนกินเข้าไปย่อมไปสะสมในร่างกายและเจ็บป่วยตามมา

หลวงปู่เล่าว่า มะเร็งมี 10 ระดับ ตอนนี้ท่านอยู่ในระดับ 8 ถือว่ายังอยู่ในขั้นวิกฤติ จะไปวันนี้พรุ่งนี้ได้ทุกเมื่อ หมอบอกว่าถ้าอยู่ในระดับ 4 คือ ระดับที่ควบคุมได้ ปัจจุบันการแพทย์สมัยใหม่หันมาสนใจการรักษาโดยไม่พึ่งยา (คีโม) เป็นการรักษาแบบชีวจิต ใช้ธรรมชาติรักษาธรรมชาติ เพราะที่ผ่านมาผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับการรักษาด้วยยาล้วนพบจุดจบคือ การเสียชีวิตในเวลาต่อมา ซึ่งใช้เวลาไม่นาน ขณะที่การรักษาด้วยวิธีใหม่โดยใช้ธรรมชาติในการรักษา สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งไม่ให้ลุกลาม และควบคุมเซลล์เก่าไว้ได้ อันนี้เป็นวิธีการรักษาที่ถูกต้องที่สุด แพทย์ส่วนใหญ่จึงหันมาใช้วิธีการรักษาด้วยวิธีนี้มากขึ้น เพราะหัวใจของแพทย์ทุกคนไม่อยากเห็นผู้ป่วยต้องตายไปต่อหน้าต่อตา คนแล้วคนเล่า

หลวงปู่ยังบอกอีกว่า แพทย์แนะนำให้รับประทานข้าวกล้อง ฝักข้าว งดเว้นเนื้อสัตว์ทุกชนิด ทานผักผลไม้ และวิตามินที่เป็นประโยชน์ ที่สำคัญ เลิกทานน้ำมันปาล์ม เพราะน้ำมันปาล์มมีสารที่เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาของเซลล์มะเร็ง ขณะที่พ่อค้า-แม่ขาย ล้วนใช้น้ำมันปาล์มในการทำอาหาร เพราะมีราคาถูก ซึ่งความจริงควรนำน้ำมันปาล์มไปใช้ทำไบโอดีเซลล์เป็นพลังงานทดแทน ดีกว่าการนำมารับประทานเพราะมีแต่โทษ ไม่มีคุณต่อร่างกาย
ยิ้มทราบเรื่องราวเหล่านี้ คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ คนรอบข้างบ้างตามที่เห็นสมควรค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น